We use cookies on this site to enhance your user experience. If you continue to browse, you accept the use of cookies on our site. See our cookies policy for more information.
Accept
ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว อีเวนต์ และอื่นๆ (เวลาทำการ ฯลฯ) ที่ระบุไว้อาจมีการเปลี่ยนแปลง
โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดและรายละเอียดได้ทางโฮมเพจทางการ ฯลฯ ของแต่ละหน่วยงานในท้องถิ่น แต่ละสถานที่ และอีเวนต์ต่างๆ

FUKUI x TOKYO

แสงไฟวูบวาบและพรมสีเขียว
  • TOKYO
  • FUKUI

ธีมของเส้นทางท่องเที่ยว

WAVERING LIGHTS AND GREEN CARPET

นักท่องเที่ยว

  • Traveled : November,2022 David Anderson
    บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวและช่างภาพ
    ที่อยู่อาศัย:สหรัฐอเมริกา
  • Traveled : November,2022 Veronica Carnevale
    คอนเทนต์ครีเอเตอร์แห่ง Japan Travel
    ที่อยู่อาศัย:โตเกียว
    สถานที่เกิด:สหรัฐอเมริกา

หลังจากเพลิดเพลินอย่างเต็มอิ่มกับวิวของมหานครจากแลนด์มาร์กแห่งใหม่ซึ่งสูง 47 ชั้น ณ ห้าแยกชิบุย่า และเชื่อมกับสถานีชิบูย่าโดยตรงแล้ว เราจะมุ่งหน้าไปศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซังในฟุคุอิกัน พื้นที่ทั้งหมดถูกปกคลุมด้วยมอสอย่างงดงาม ราวกับว่ามีใครมาปูพรมสีเขียวเอาไว้ ทริปนี้เป็นทริปที่จะทำให้คุณเพลิดเพลินกับความแตกต่างระหว่างมหานครกับธรรมชาติ

Official Tokyo Travel Guide
https://www.gotokyo.org/th/

Local government official website
https://enjoy.pref.fukui.lg.jp/en/

ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียวmore

ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว
เป็นประตูเข้าออกทางอากาศของโตเกียว ภายในอาคารผู้โดยสารเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเชิงพาณิชย์มากมาย สามารถชมทิวทัศน์ของอ่าวโตเกียวได้จากจุดชมวิวบนดาดฟ้า ถึงแม้จะไม่ใช่ผู้โดยสารที่จะเดินทางก็สามารถเพลิดเพลินได้

ภายในกรุงโตเกียว

วันแรก

TOKYO

ห้าแยกชิบุย่าmore

แหล่งท่องเที่ยวแนะนำ

ห้าแยกชิบุย่า
SHIBUYA SKY สร้างขึ้นโดยมีสามโซน: SKY GATE ซึ่งเป็นพื้นที่เชื่อมต่อบนชั้น 14-45 SKY STAGE พื้นที่ชมวิวกลางแจ้ง และ SKY GALLERY ทางเดินชมวิวในร่มบนชั้น46 ไม่เพียง แต่คุณจะได้เห็นทิวทัศน์ 360 องศาจากความสูง 229 เมตรเหนือชิบุย่าเท่านั้น แต่พื้นที่ชมวิวยังช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นทางปัญญา และส่งเสริมจินตนาการผ่านประสบการณ์ต่างๆ
  • David Anderson

    ห้าแยกชิบุย่า: คุณจะได้เห็นวิวของโตเกียว 360 องศา รวมทั้งยังเป็นตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมในการดูแยกชิบุย่า (ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นหนึ่งในแยกถนนที่คับคั่งที่สุดในโลก) และห้ามพลาดไปเยี่ยมชม SHIBUYA SKY เด็ดขาด! เพราะเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการชมพระอาทิตย์ตกดิน และคุณยังสามารถอยู่ต่ออีกนิดเพื่อชมโตเกียวมีชีวิตชีวาด้วยแสงไฟสีสันสดใสทั่วสารทิศ หลังจากขึ้นลิฟต์ที่น่าตื่นเต้นเพื่อไปยังชั้นดาดฟ้า คุณจะได้รางวัลเป็นภาพวิวอันน่าทึ่งของโตเกียว (รวมถึงภูเขาไฟฟูจิในวันที่อากาศแจ่มใส) นอกจากนี้ในบางครั้งอาจมีอีเวนต์พิเศษ อย่างเช่น "บาร์บนดาดฟ้า" จึงเป็นจุดหมายที่ยอดเยี่ยมในการเที่ยวชมโตเกียวในยามค่ำคืน

  • Veronica Carnevale

    ห้าแยกชิบุย่า: เส้นขอบฟ้ากว้างไกลของโตเกียวแผ่ขยายออกไปสุดสายตาตรงหน้าฉัน ฉันรู้สึกตื่นตะลึงไปกับเมืองที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ ความสูงและสีสันที่หลากหลายของตึกต่างๆ เชื่อมต่อกันด้วยถนนที่แสนพลุกพล่าน และความเขียวชอุ่มที่เส้นขอบฟ้าไกลลิบๆ คุณอาจสงสัยว่าฉันกำลังอยู่ที่ไหนกันแน่ คำตอบก็คือ ห้าแยกชิบุย่านั่นเอง! อาคารคอมเพล็กซ์สูง 230 เมตรซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับสถานีชิบุย่าและแยกชิบุย่าแห่งนี้ เป็นที่ตั้งของหอชมวิว สำนักงาน ร้านค้า และร้านอาหาร และยังเป็นอาคารที่สูงที่สุดในชิบุย่าด้วย

    การเดินทางของฉันสู่ท้องฟ้าเริ่มต้นขึ้นที่ชั้น 14 ในลิฟต์ที่มีเอกลักษณ์ ใช้เวลา 30 วินาทีในการขึ้นลิฟต์ไปถึงชั้น 45 เพดานลิฟต์ฉายภาพแสงระยิบระยับและเพลงล่องลอยที่ทำให้ฉันรู้สึกราวกับกำลังขึ้นไปข้างบนผ่านห้วงอวกาศ หลังจากเก็บสัมภาระในล็อกเกอร์แล้ว ฉันก็ขึ้นบันไดเลื่อนอีกหลายต่อเพื่อขึ้นไปยัง Sky Stage ที่ชั้นดาดฟ้า จากจุดชมวิวกลางแจ้ง ฉันมองเห็นใจกลางเมืองโตเกียวรอบทิศทางแบบสุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว และยังเห็นแลนด์มาร์กที่เส้นขอบฟ้า เช่น โตเกียวสกายทรี โตเกียวทาวเวอร์ อ่าวโตเกียว และสวนสาธารณะโยโยงิในขณะที่ฉันสูดหายใจเอาสายลมที่แสนสดชื่นของฤดูใบไม้ร่วงเข้าไป ฉันขึ้นไปยังชั้น 46 ต่อเพื่อผจญภัยที่ Sky Gallery ซึ่งมีหน้าต่างสูงตั้งแต่พื้นจรดเพดาน และเดินผ่านนิทรรศการศิลปะแบบอินเทอร์แอ็กทีฟ พื้นที่นั่งพักผ่อน คาเฟ่ บาร์ เลานจ์ และร้านของที่ระลึก หลังจากใช้เวลาท่ามกลางหมู่เมฆ ฉันก็แวะไปที่ร้านชา ITO EN ที่อยู่ชั้น 10 เพื่อเพลิดเพลินกับการดื่มชาเขียวมัทฉะที่ชงสดๆ แก้วต่อแก้ว และของหวานไส้ถั่วแดง

นั่งรถไฟ 10 นาที (JR)

สโปโดริ! โตเกียวโดมซิตี้more

สโปโดริ! โตเกียวโดมซิตี้
"สโปโดริ! (Spo-Dori)" เป็นสถานที่เล่นกีฬาในร่มที่คุณสามารถเพลิดเพลินกับโบลเดอริง การตีลูกเบสบอล การขว้างลูกเบสบอล และการตีกอล์ฟได้
ที่นี่ได้เตรียมสภาพแวดล้อมที่ทุกคนสามารถสนุกสนานได้ง่ายๆ หรือลองท้าทายด้านกีฬาอย่างจริงจังได้
  • David Anderson

    สโปโดริ! โตเกียวโดมซิตี้: สโปโดริ! ตั้งอยู่ในโตเกียวโดมซิตี้ มีหน้าผาจำลองสีสันสดใส และกรงเบสบอลชั้นเลิศให้คุณได้ฝึกซ้อมทักษะการตีเบสบอลของตัวเอง และยังมีสนามกอล์ฟดิจิทัลด้วย ทุกคนในครอบครัวจะต้องชื่นชอบแน่นอน ภายในบริเวณยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมายให้ได้ทำ จึงเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการแวะมาสัมผัสประสบการณ์โดยใช้เวลาไม่มากนักเมื่อคุณมาเที่ยวโตเกียวกับลูกๆ ของคุณ!

  • Veronica Carnevale

    สโปโดริ! โตเกียวโดมซิตี้: พอท้องอิ่ม ก็ถึงเวลาทดสอบร่างกายที่สโปโดริ! ภายในโตเกียวโดมซิตี้! จากสถานีฮิบิยะ ฉันขึ้นรถไฟโทเอ สายมิตะไปยังสถานีสุอิโดบาชิ (7 นาที) จากนั้นเดินต่อประมาณ 4 นาทีไปยังโตเกียวโดมซิตี้ สนามกีฬาในร่มประกอบด้วยสนามเบสบอลล้อมตาข่าย พื้นที่ปีนหน้าผาจำลอง และกอล์ฟ เมื่อฉันเข้าไปในสนาม สิ่งแรกที่ฉันสังเกตเห็นคือหน้าผาหินจำลองทอดยาวที่ด้านขวามือของฉัน หน้าผาหินลาดเอียงมีความชันขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ผู้ใหญ่ก็ยังปีนได้ยาก ด้วยบรรยากาศของการแข่งขันที่คึกคัก ฉันจึงตัดสินใจที่จะลองปีนหน้าผาจำลองดู! เมื่อฉันเช่ารองเท้าและซื้อตั๋วจากเคาน์เตอร์ด้านหน้า ฉันก็พร้อมลุยแล้ว ตอนที่ฉันยืนอยู่ด้านล่างของกำแพง แม้แต่จุดปีนสำหรับมือใหม่ก็ยังดูท้าทาย แต่ฉันก็ไม่หวั่น ฉันรวบรวมสมาธิแล้วค่อยๆ เหยียบขึ้นไปทีละก้าวอย่างมุ่งมั่น และหลังจากพลาดร่วงลงมาสองสามครั้ง ในที่สุดฉันก็ปีนถึงด้านบนได้สำเร็จ ประสบการณ์นี้ช่างเติมเต็มและท้าทาย เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเพิ่มความหลากหลายของกิจกรรมการท่องเที่ยว

นั่งรถไฟ 18 นาที (JR)

ฮิบิยะ OKUROJImore

ฮิบิยะ OKUROJI
ฮิบิยะ OKUROJI เป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ที่สร้างขึ้นใหม่ โดยสร้างขึ้นจากการฟื้นฟูพื้นที่ใต้สะพาน 300 เมตรระหว่างสถานี ยูระขุโจ และสถานีชิมบะชิ โดยมีซุ้มประตูอิฐที่มีลักษณะเฉพาะและมีประวัติยาวนานกว่า 100 ปี
ชื่อ "ฮิบิยะ OKUROJI มาจากคำว่า "ภายใน"(oku) เนื่องจากอยู่ห่างจากย่านใจกลางของ ฮิบิยะ / กินซ่า เพียงเล็กน้อย และรวมกับคำว่า "ตรอก"(roji) เพื่อถ่ายทอดบรรยากาศที่ซ่อนอยู่ใต้สะพานลอย
นอกเหนือจากความตื่นเต้นในการค้นหาบางสิ่งบางอย่างผ่านเหล่าผู้ใหญ่แล้ว OKUROJI ยังแสดงออกถึงความลับที่เก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์กว่า 100 ปีและความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้ง "
  • David Anderson

    ฮิบิยะ OKUROJI: ห้างใต้ดินแสนสนุกที่ผสมผสานทั้งความเก่าแก่และทันสมัยไว้ในที่เดียว! ด้านหนึ่งของอาคารเป็นอิฐที่น่าทึ่ง ส่วนอีกด้านเพิ่งรีโนเวตใหม่ให้ทันสมัย ฮิบิยะ OKUROJI คือสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในกินซ่าสำหรับการมาใช้เวลาสักชั่วโมงในการรับประทานอาหารและช็อปปิง ตอนกลางวันผู้คนจะไม่หนาแน่นมาก แต่พอตกค่ำ สถานที่แห่งนี้จะครึกครื้นและคึกคักเป็นพิเศษ ปัญหาเดียวที่คุณจะได้พบคือการตัดสินใจว่าจะกินร้านไหนดี! นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมสำหรับการช็อปปิงของที่ระลึกหรือของขวัญอันมีเอกลักษณ์ด้วย

    อาหารกลางวัน (ฮิบิยะ OKUROJI) ชุนจูสึงิฮางิ: แม้ว่าโตเกียวจะเต็มไปด้วยร้านอาหารที่ยอดเยี่ยมนับไม่ถ้วน แต่ชุนจูสึงิฮางิก็เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่นำเสนออาหารแบบคอร์สซึ่งยอดเยี่ยมจนคุณลืมไม่ลง ร้านอาหารแห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรมอิมพีเรียล (Imperial Hotel) อันโด่งดัง ร้านสร้างบรรยากาศด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่มีเอกลักษณ์ แสงไฟที่ให้ความรู้สึกอบอุ่น และเมนูไวน์หลากหลาย ชุนจูสึงิฮางิเป็นร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่งที่จะเพิ่มประสบการณ์การผจญภัยด้านอาหารสุดครีเอทีฟให้กับคุณ เมนูที่พลาดไม่ได้คือ Prime Rib เพราะเนื้อของที่นี่เป็นหนึ่งในเนื้อที่ดีที่สุดที่คุณจะได้กินในญี่ปุ่น (จริงๆ นะ)

  • Veronica Carnevale

    ฮิบิยะ OKUROJI: จากสถานีชิบุย่า ฉันขึ้นรถไฟโตเกียวเมโทร สายกินซ่า ซึ่งใช้เวลา 15 นาที เพื่อเดินทางไปสถานีชิมบาชิ จากนั้นเดินต่ออีก 6 นาที ก็ถึงจุดหมายต่อไปของฉัน ซึ่งก็คือ ฮิบิยะ OKUROJI ถนนช็อปปิงใต้ดินยาว 300 เมตรที่ตั้งอยู่ใต้รถไฟแปดสาย และมีร้านอาหารและร้านค้าตั้งอยู่มากมาย ร้านฮิบิยะ OKUROJI สร้างขึ้นในช่วงต้นยุค 1900s การผสมผสานกันของซุ้มโค้งสีขาวและอิฐสีแดงทำให้พื้นที่ดูทันสมัยแต่ก็ให้บรรยากาศย้อนยุคในเวลาเดียวกัน ตอนที่ฉันเดินผ่านร้านค้าที่เรียงรายอย่างละลานตานั้น ฉันได้เห็นทั้งร้านร่ม ร้านเสื้อผ้า ร้านรองเท้า และมีแม้กระทั่งร้านขายเสื้อผ้าย้อมครามแบบโบราณ สำหรับอาหาร มีทั้งอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมและอาหารต่างชาติ ฉันแวะไปที่ร้านเบเกอรี่ฝรั่งเศสสุดน่ารักร้านหนึ่งเพื่อชิมคานาเล่แสนหวานและอร่อย รถไฟที่วิ่งอยู่เหนือร้านค้าสวยงามที่อยู่ด้านล่างสร้างประสบการณ์การช็อปปิงที่ไม่เหมือนที่ไหน

    อาหารกลางวัน (ฮิบิยะ OKUROJI) ชุนจูสึงิฮางิ: หลังจากสำรวจโตเกียวในตอนเช้า ก็ถึงเวลาอาหารกลางวันที่ชุนจูสึงิฮางิ ร้านอาหารตั้งอยู่ห่างจากฮิบิยะ OKUROJI โดยใช้เวลาเดินเพียง 5 นาที ทันทีที่ฉันเข้าไปในร้าน ฉันก็รู้สึกได้ถึงความหรูหราแต่อบอุ่นเป็นมิตร แสงไฟสีเหลืองทั่วทั้งร้าน พร้อมกับการตกแต่งแบบผสมผสาน และงานหินที่ทำมาสำหรับการตกแต่งภายในได้อย่างน่าทึ่ง "สึงิฮางิ" แปลว่า "การปะติด" ซึ่งสะท้อนถึงรูปแบบการตกแต่งที่หลากหลายของร้านอาหาร ฉันได้เข้ามานั่งอยู่ในห้องไม้ที่เรียบง่ายและทางร้านก็เสิร์ฟอาหารคอร์สมื้อกลางวันสำหรับฤดูใบไม้ร่วง อาหารหกคอร์สประกอบด้วยเมนูเรียกน้ำย่อยที่ทำจากวัตถุดิบตามฤดูกาล ซาชิมิสดๆ ปลากะพงพร้อมผลฟิกและซอสบัลซามิก เนื้อวากิวย่างถ่านเสิร์ฟพร้อมเกลือ ซอสยูซุรสเผ็ด และซอสมิโซะวอลนัต ข้าวอบหม้อเหล็กพร้อมผักดองและซุปมิโซะ และเค้กเกาลัดผลไม้ การผสมผสานกันของรสชาติและเนื้อสัมผัสอันหลากหลายนี้ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร ฉันจับคู่มื้อนี้กับไวน์ขาวจากยามานาชิ ซึ่งมีรสชาติละมุนและกลิ่นหอมหวานเล็กน้อย

ภายในกรุงโตเกียว

  • David Anderson

    อาหารค่ำ (คางุราซากะ) คางุราซากะ คาโมโช: ร้านนี้เสิร์ฟเมนูคอร์สสุดวิจิตร ซึ่งประกอบด้วยอาหารญี่ปุ่นหลากหลายที่จะกระตุ้นต่อมรับรสของคุณ นอกจากนี้คางุราซากะ คาโมโชยังมีห้องส่วนตัวเล็กๆ ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่น และเชี่ยวชาญอาหารที่ทำจากเป็ดเป็นพิเศษ

  • Veronica Carnevale

    อาหารค่ำ (คางุราซากะ) คางุราซากะ คาโมโช: หลังจากพักผ่อนและผ่อนคลายสักพัก ฉันก็มุ่งหน้าไปที่จุดหมายสุดท้ายของวันเพื่อไปทานอาหารค่ำที่คางุราซากะ คาโมโช คางุราซากะเป็นย่านช็อปปิงและร้านอาหารยอดนิยมใกล้กับสถานีอีดะบาชิซึ่งเป็นที่รู้จักจากถนนที่ลาดเอียง ในความมืดของช่วงค่ำในฤดูใบไม้ร่วง ร้านค้าที่เรียงรายตามถนนเส้นหลักจะส่องแสงสว่างอย่างสวยงามในขณะที่คนที่เดินผ่านไปมาเพลิดเพลินกับอากาศเย็นสบาย หลังจากใช้เวลาเล็กน้อยที่ถนนเส้นหลัก ฉันก็เปลี่ยนไปเดินที่ทางเดินหินกรวดแคบๆ เพื่อไปยังร้านอาหาร หน้าร้านมีโนเร็น (ผ้าม่านญี่ปุ่น) สีเข้มตกแต่งอยู่ และฉันก็ต้องถอดรองเท้าหลังจากเข้าไปในร้านแล้ว คางุราซากะ คาโมโช เชี่ยวชาญด้านอาหารที่ทำจากเป็ด ดังนั้นฉันจึงสั่งคอร์สชาบูชาบูเนื้อเป็ด มื้ออาหารแบบคอร์สนี้ประกอบด้วยเมนูหลากหลาย ซึ่งรวมถึงปลา เต้าหู้ และผักที่ปรุงรสด้วยเกลือทรัฟเฟิล วาซาบิ ฟิก มัสตาร์ด และอื่นๆ แต่ดาวเด่นก็ต้องยกให้เป็ดเลย ชามซุปเป็ดที่อัดแน่นมาพร้อมกับไฟที่จุดอยู่ด้านล่าง พนักงานยกจานเนื้อเป็ดสไลซ์บางมาเสิร์ฟให้ฉันเพื่อให้ฉันปรุงเองด้วยการจุ่มเนื้อเป็ดลงในน้ำซุป เนื้อเป็ดที่ปรุงสดๆ แต่ละชิ้นมีรสชาติอร่อยและให้ความรู้สึกอุ่น ฉันจับคู่มื้อนี้กับสาเกที่ผลิตในชิบะซึ่งมีกลิ่นหอมเข้มข้น

วันที่สอง

HOKURIKU(FUKUI)

ท่าอากาศยานนานาชาติโตเกียว

สนามบินโคมัตสึ

นั่งรถบัส 15 นาที

นั่งรถไฟ 20 นาที (JR)

นั่งรถบัส 40 นาที

โทจินโบmore

โทจินโบ
โทจินโบเป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพอันงดงามซึ่งประกอบด้วยหน้าผาสูงชันที่ยังคงถูกกัดเซาะโดยคลื่นในมหาสมุทร
หน้าผาโทจินโบอันน่าตื่นตานี้ทอดตัวยาวกว่า 1 กิโลเมตรไปตามแนวชายฝั่งของตำบลมิคุนิ
ลักษณะของหน้าผาที่เป็นรอยแยกรูปเสาหินเหลี่ยมอันเกิดจากหินแอนดีไซต์ที่มีส่วนประกอบของแร่ไพร็อกซีนนี้หาพบได้ยากและมีเพียงสามแห่งในโลกเท่านั้น ซึ่งรวมถึงหน้าผาโทจินโบนี้ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุเสาวรีย์ทางธรรมชาติของประเทศญี่ปุ่นด้วย
คุณยังสามารถเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพทั้งจากบนโทจินโบทาวเวอร์ที่มีความสูง 55 เมตรหรือจากเรือท่องเที่ยวที่ล่องไปรอบๆ หน้าผาก็ได้เช่นกัน
  • David Anderson

    โอโตกุ: อาหารกลางวัน (อาหารทะเลหรือเนื้อ)
    แนะนำให้ขึ้นไปนั่งที่ชั้นสองของร้านเพื่อชมวิวเกาะโอชิมะในขณะที่เพลิดเพลินไปกับอาหารทะเลรสเลิศหรือเมนูสเต๊ก ร้านนี้เป็นหนึ่งในร้านอาหารยอดนิยมที่สุดในย่านนี้ (ในหมู่คนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว) และใช้เวลาขับรถไม่นานจากผาโทจินโบอันโด่งดัง เมื่ออิ่มท้องแล้ว คุณยังสามารถเผาผลาญแคลอรีด้วยการเดินรอบเกาะโอชิมะที่น่าทึ่ง

    โทจินโบ: การมาเที่ยวจังหวัดฟุกุอิจะไม่สมบูรณ์ถ้าคุณไม่ได้มาสัมผัสผาโทจินโบที่สวยแปลกตา จุดหมายที่อยู่แนวชายฝั่งนี้เป็นที่รู้จักว่าเป็นหนึ่งในสถานที่ที่ดีเยี่ยมที่สุดของญี่ปุ่นในการมาชมพระอาทิตย์ตกดิน และยังเป็นสถานที่สนุกๆ สำหรับการช็อปปิงของที่ระลึก ลิ้มรสอาหารท้องถิ่น และลองชิมไอศกรีมรสหมึกของปลาหมึก! และยังมีหอคอยโทจินโบให้ชมวิวแนวชายฝั่งทะเลด้วย!

  • Veronica Carnevale

    โอโตกุ: อาหารกลางวัน (อาหารทะเลหรือเนื้อ)
    เช้าวันถัดมา ฉันเริ่มต้นวันด้วยเที่ยวบินหนึ่งชั่วโมงจากสนามบินฮาเนดะที่ตั้งอยู่ทางใต้ของโตเกียวไปยังสนามบินโคมัตสึในจังหวัดอิชิกาวะ ที่สนามบิน ฉันได้พบกับไกด์ของฉันที่มาพร้อมกับรถเช่า จากนั้นเราก็ขับรถมุ่งไปทางทิศใต้เพื่อไปยังจังหวัดข้างๆ ซึ่งก็คือจังหวัดฟุกุอิ! หลังจากขับรถประมาณ 45 นาที เราก็ถึงจุดหมายแรกของเรา โอโตกุเป็นร้านอาหารทะเลที่ตั้งอยู่เลียบไปกับทะเลญี่ปุ่น พนักงานนำฉันไปนั่งที่โต๊ะชั้นสองริมหน้าต่างขนาดใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวอันน่าตื่นตาของผืนน้ำเปล่งประกายระยิบระยับและเกลียวคลื่นสาดซัดเบาๆ และยังเห็นเกาะโอชิมะที่อยู่ใกล้กันอีกด้วย ภายในตกแต่งด้วยไม้อย่างเรียบง่าย ให้บรรยากาศแบบชนบทแต่ทันสมัย หลังจากไล่ดูเมนูที่เต็มไปด้วยอาหารทะเลและเนื้อแล้ว ฉันก็ตัดสินใจสั่งมางุโระดง หรือข้าวหน้าปลาทูน่า ปลาทูน่าดิบถูกจัดเรียงอยู่ด้านบนเม็ดข้าวนุ่มฟู มีวาซาบิ ขิงดอง และไข่ม้วนวางเคียงกันอย่างสวยงาม เมนูนี้ยังเสิร์ฟมาพร้อมกับกะหล่ำปลีดอง ซุปมิโซะ และปลาเนื้อขาวรสอ่อนที่มีชื่อเรียกว่า คาเรอิ ฉันไม่สามารถหุบยิ้มได้เลยตอนที่ได้ลิ้มรสทูน่าสดๆ นั้น

    โทจินโบ: หลังจากเพลิดเพลินกับอาหารทะเล ก็ถึงเวลาสำรวจโทจินโบ หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของฟุกุอิ จากร้านอาหาร เราใช้เวลาขับรถประมาณห้านาทีไปยังที่จอดรถที่อยู่ใกล้ๆ แล้วเดินต่ออีกห้านาทีไปตามถนนสายเก่าที่ทำให้นึกถึงยุคโชวะของญี่ปุ่น เส้นทางเก่าแก่เรียงรายไปด้วยร้านอาหารและร้านของที่ระลึกซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของอาหารทะเลผสมผสานกับลมทะเล เมื่อฉันมาถึงชายฝั่ง วิวอันตระการตาก็ทำให้ฉันตกตะลึงจนแทบลืมหายใจ หน้าผาขรุขระรูปทรงเรขาคณิตแปลกตาดูกลมกลืนกับผืนน้ำอันสงบนิ่งในธรรมชาติที่แสนพิศวง ท้องทะเลกว้างไกลสุดสายตาเป็นฉากหลังที่น่าอัศจรรย์ใจให้กับฉากทัศน์นี้ ในขณะที่ฟองคลื่นสีขาวโอบล้อมแนวหินที่มีเอกลักษณ์เหล่านั้น ฉันหลับตาและสูดหายใจเอาลมเย็นๆ เข้าไป รู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายท่ามกลางเสียงขับกล่อมจากคลื่นทะเล ทางเดินรอบหน้าผาเดินง่าย แต่ก็ควรสวมใส่รองเท้าที่เดินสบาย

    หลังจากนั้นฉันก็กลับขึ้นรถยนต์เพื่อขับต่อไปยังที่จอดรถอีกแห่งใกล้กับเกาะโอชิมะ เกาะเล็กๆ ที่ไม่มีคนอาศัยอยู่นี้ตั้งอยู่ห่างออกไปจากชายฝั่งของฟุกุอิ และเชื่อมต่อกับแผ่นดินหลักด้วยสะพานสีแดงที่สวยงาม ขณะที่ฉันเดินไปยังเกาะโอชิมะ ภูมิทัศน์อันเขียวชอุ่ม หินรูปทรงสวยงาม และประตูโทริอิสีขาว ทำให้ฉันรู้สึกราวกับกำลังเดินไปยังอีกโลกหนึ่ง เกาะแห่งนี้เป็นที่ตั้งของศาลเจ้า ธรรมชาติเขียวชอุ่ม และวิวทะเลที่ชวนตื่นตะลึง ซึ่งต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงในการเดินรอบเกาะ

  • David Anderson

    อาหารค่ำที่อาวาระออนเซ็น ไฮยะ: การรับประทานอาหารค่ำที่อาวาระออนเซ็น ไฮยะ เป็นหนึ่งในหลายๆ เหตุผลในการจองห้องพักสักคืนหรือสองคืนที่นี่! ในร้านอาหาร คุณจะได้นั่งในห้องที่มีฉากกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว และเพลิดเพลินกับอาหารในขณะที่ใส่ชุดคลุมอาบน้ำออนเซ็นสไตล์ญี่ปุ่นที่ทางโรงแรมมีให้ ด้วยเมนูสาเกรสเลิศที่หลากหลาย การจัดจานที่สวยงาม การบริการที่ยอดเยี่ยม และอาหารแสนอร่อย คุณจะต้องตกหลุมรักกับประสบการณ์การรับประทานอาหารที่นี่อย่างแน่นอน! เคล็ดลับ - อย่าลืมขอเกลือวาซาบิเพิ่ม (เพราะมันมีรสที่พิเศษสุดๆ!)

    ที่พัก: อาวาระออนเซ็น ไฮยะ
    ด้วยห้องพักที่สวยงามซึ่งตกแต่งในสไตล์เรียวกังญี่ปุ่นดั้งเดิม ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้พักในสถานที่อย่างอาวาระออนเซ็น ไฮยะ! แขกที่มาพักสามารถเข้าแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายได้ฟรี บ่อน้ำพุร้อนอันแสนอัศจรรย์นี้จะช่วยขจัดความเครียดของคุณได้เป็นปลิดทิ้ง นอกจากนี้ที่ออนเซ็นยังมีห้องส่วนตัว (มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม) สำหรับผู้ที่มองหาประสบการณ์แช่ออนเซ็นแบบเป็นส่วนตัว โรงแรมแห่งนี้ทั้งหรูหรา สะดวกสบาย และโดยรวมแล้วเป็นประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษที่ควรเพิ่มลงในรายการสิ่งที่ต้องทำในญี่ปุ่น

  • Veronica Carnevale

    อาหารค่ำที่อาวาระออนเซ็น ไฮยะ: เราใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงขับรถด้วยจิตใจอันสงบนั้นไปยังที่พักของฉันสำหรับคืนนี้ที่มีชื่อว่า ไฮยะ ในอาวาระออนเซ็น อาวาระออนเซ็นเป็นหนึ่งในเมืองบ่อน้ำพุร้อนยอดนิยมที่สุดในญี่ปุ่นตอนกลาง และเป็นที่ตั้งของเรียวกัง หรือโรงแรมญี่ปุ่นโบราณที่หลากหลาย เมื่อฉันมาถึงที่ไฮยะ พนักงานก็นำฉันไปยังห้องพัก และสาธิตวิธีการใส่ชุดยูกาตะให้ฉันด้วย ชุดยูกาตะเป็นกิโมโนประเภทหนึ่งแต่มีน้ำหนักเบาและเป็นทางการน้อยกว่า หลังจากใส่ชุดญี่ปุ่นดั้งเดิมแล้ว ฉันก็สวมรองเท้าแตะที่โรงแรมมีให้เพื่อเดินไปยังห้องรับประทานอาหาร ซึ่งมีห้องส่วนตัวหลายห้องที่ถูกแบ่งด้วยฉากกั้นไม้ พนักงานเสิร์ฟที่ยิ้มแย้มนำอาหารเมนูแรกของคอร์สมาเสิร์ฟให้ฉัน เป็นลูกพลับยัดไส้ด้วยแตงกวาและเนื้อปู เสิร์ฟพร้อมกับอุเมะชุ (เหล้าบ๊วยญี่ปุ่น) เมนูนี้มีรสชาติหวานและเรียกน้ำย่อยได้เป็นอย่างดี ตามมาด้วยอาหารรสเลิศหลายเมนู ซึ่งรวมถึงซุป ซาชิมิสดๆ แอปเปิลยัดไส้แซลมอนและชีส เนื้อวัววากาสะ เต้าหู้งาทอด หัวไชเท้ายัดไส้ด้วยปลา เปาะเปี๊ยะปูและเยลลีวาซาบิ และมงบล็องผลไม้ อาหารแต่ละเมนูจัดจานมาอย่างสวยงาม และมีเนื้อสัมผัสหลากหลายที่มีเอกลักษณ์ การผสมผสานกันของรสชาติเข้ากันได้ดีกับลักษณะอันประณีตงดงามของเรียวกัง

    ที่พัก: อาวาระออนเซ็น ไฮยะ
    ที่ไฮยะในอาวาระออนเซ็น ฉันรู้สึกเหมือนได้เดินทางย้อนเวลากลับไปในญี่ปุ่นสมัยก่อน ห้องพักแต่ละห้องและทางเดินได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยงานไม้ญี่ปุ่น สีเอิร์ทโทน และสิ่งของตกแต่งแบบดั้งเดิม ห้องพักของฉันเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่น พื้นห้องเป็นเสื่อทาตามิ ประตูเลื่อนโชจิ และหน้าต่างขนาดใหญ่ที่มองออกไปเห็นวิวสวนญี่ปุ่นเล็กๆ ระหว่างมื้อค่ำ พนักงานได้มาที่ห้องและปูฟูกนอนให้ฉัน ห้องน้ำในห้องเป็นส่วนต่อขยายออกไปของพื้นที่ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามและมีแม้กระทั่งบ่อน้ำร้อนส่วนตัวด้วย! หลังจากเดินทางท่องเที่ยวมาทั้งวัน ฉันรู้สึกได้ผ่อนคลายอย่างแท้จริงในน้ำร้อนที่ทำให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า นอกจากบ่อน้ำส่วนตัวแล้ว เรียวกังยังมีบ่อน้ำร้อนรวมที่ผ่อนคลายเช่นเดียวกัน นอกจากบรรยากาศของความดั้งเดิม โรงแรมยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัยอย่าง Wi-Fi ล็อกเกอร์ขนาดเล็กสำหรับเก็บของส่วนตัว ตู้เย็นขนาดเล็กพร้อมเครื่องดื่ม ไดร์เป่าผม และอื่นๆ ประสบการณ์นี้ยิ่งประทับใจยิ่งขึ้นจากการบริการที่ยอดเยี่ยมของพนักงาน เช้าวันถัดมาหลังจากมื้ออาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารบำรุงร่างกายอย่าง ผัก ผลไม้ ข้าว ไข่ ปลา และซุป พนักงานก็โบกมือลาเราอย่างอบอุ่น และฉันก็พร้อมแล้วสำหรับเริ่มต้นวันใหม่

วันที่สาม

นั่งรถบัส 40 นาที

นั่งรถไฟ 20 นาที (JR)

นั่งรถไฟ 60 นาที (ไม่ใช่สายJR)

นั่งแท็กซี่ 10 นาที

ศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซังmore

แหล่งท่องเที่ยวแนะนำ

ศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซัง
วัดแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นที่สำหรับสักการะโดยนักบวชในศาสนาพุทธนามว่า ไทโช เมื่อปีค.ศ. 717 บนฝั่งเอจิเซ็นของภูเขาฮาคุซังอันศักดิ์สิทธิ์ ในช่วงครึ่งหลังของยุคเฮอัน ที่นี่กลายเป็นวัดสาขาของวัดเฮเอซังเอ็นเรียคุจิ ซึ่งเป็นวัดพุทธนิกายเท็นได และถึงแม้ว่าวัดแห่งนี้จะถือได้ว่าเป็นเมืองหลวงแห่งศาสนาที่ใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น แต่ในช่วงยุคสงครามระหว่างแคว้น วัดแห่งนี้กลับถูกเผาทำลายจนหมดสิ้นในปี 1574 โดยการรุกรานของเหล่าสาวกของวัดโอซาก้าฮงกันจิในศาสนาพุทธนิกายโจโดชินชู
ด้วยนโยบายในสมัยเมจิที่ต้องการแบ่งแยกศาสนาชินโตออกจากศาสนาพุทธ ชื่อวัดเฮเซ็นจิจึงถูกเปลี่ยนเป็นฮาคุซังจินจะ (ศาลเจ้า) ซึ่งปัจจุบันยังเป็นที่รู้จักกันในชื่อ “วัดมอส” เนื่องจากความสวยงามของผืนมอสที่ปกคลุมพื้นดิน นอกจากนี้ที่วัดยังมีสระน้ำมิตาราชิโนะอิเคะซึ่งเป็นจุดที่เชื่อกันว่ามีเทพธิดาปรากฏกายขึ้นเพื่อนำทางไทโชไปยังฮาคุซัง และต้นสนยักษ์ที่ศาลเจ้าวาคามิยะฮาจิมังกูซึ่งยังคงยืนต้นอยู่ระหว่างที่วัดถูกเผาทำลายจะเป็นพยานเล่าเรื่องราวตำนานในอดีตของวัดฮาคุซังเฮเซ็นจิได้เป็นอย่างดี
  • David Anderson

    ศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซัง: ศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซังมีทางเดินอันงดงามผ่านต้นสนซีดาร์สูงตระหง่านและหินที่ปกคลุมด้วยมอส เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในสถานที่อันยอดเยี่ยมที่ห้ามพลาดมาเยี่ยมชมในจังหวัดฟุกุอิ ที่นี่เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของชาติที่มาพร้อมกับชื่อ "ประวัติศาสตร์ที่ซุกซ่อนอยู่นานหลายศตวรรษ" เพราะมีเพียง 1% ของซากปรักหักพังในพื้นที่ 200 เฮกตาร์เท่านั้นที่ถูกขุดขึ้นมา ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และพิเศษ และจะทำให้คุณรู้สึกถึงบางอย่างเมื่อเดินบนทางเดินหินที่ปกคลุมไปด้วยมอสเหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง

  • Veronica Carnevale

    ศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซัง: จุดหมายถัดไป เราเดินทางห่างจากชายฝั่งเพื่อไปยังศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซัง ใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์ประมาณหนึ่งชั่วโมง และยังได้ชมวิวที่อบอุ่นหัวใจของใบไม้เปลี่ยนสีบนภูเขา พื้นที่เกษตรกรรม และหมู่บ้านโบราณที่มีเสน่ห์

    เมื่อพวกเราไปถึงศาลเจ้า ฉันก็รู้สึกเหมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกพิศวงอีกครั้ง ศาลเจ้าอันเป็นที่รักของคนท้องถิ่นนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "วัดมอส" มีชื่อเสียงจากมอสที่ขึ้นหนาแน่นจนดูเหมือนกับผืนพรม และเป็นสถานที่สักการะฮาคุซัง ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย ทั้งทางเดินหินที่ฉันเดินผ่านและสิ่งปลูกสร้างของศาลเจ้าที่กลมกลืนเข้ากับทิวทัศน์โดยรอบ ทำให้ฉันรู้สึกตื่นตะลึงไปกับความสมดุลอันสันติระหว่างธรรมชาติและจิตวิญญาณ ต้นไม้สูงตระหง่านตั้งเรียงรายนำทางฉันในทุกก้าว และภูมิทัศน์ที่ปกคลุมไปด้วยมอสสีเขียวชอุ่มก็ทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุขสงบอย่างที่สุด ภายในป่าเงียบสงัด มีเพียงสายลมพัดผ่านแผ่วเบา เสียงจิ้งหรีดร้องเป็นระยะๆ และเสียงสะท้อนของเสียงฝีเท้าตัวเอง ความเงียบสงบนี้ได้โอบล้อมฉันไปตลอดทั้งวัน

นั่งแท็กซี่ 10 นาที

นั่งรถไฟ 30 นาที (ไม่ใช่สายJR)

นั่งรถบัส 15 นาที

วัดโซโตะเซ็นไดฮงซังเอเฮจิmore

วัดโซโตะเซ็นไดฮงซังเอเฮจิ
วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปีค.ศ. 1244 ในฐานะโรงฝึกปฏิบัติเซน โดยโดเก็น เซ็นจิ ผู้ก่อตั้งนิกายเซน สายโซโต
ในบริเวณพื้นที่วัดมีอาคารน้อยใหญ่กว่า 70 หลัง รวมถึงชิจิโดการัน ซึ่งเป็นกลุ่มอาคารขนาดใหญ่ที่ประกอบด้วยอาคารหลายหลังที่เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินมีหลังคา เป็นสถานที่สำคัญสำหรับการปฏิบัติสมาธิในแต่ละวัน ที่พิพิธภัณฑ์รุริโชโบกากุมีการจัดแสดงสมบัติล้ำค่าหลายชิ้นซึ่งรวมถึงฟูคังซาเซ็นกิ บทประพันธ์ของโดเก็น เซ็นจิ เกี่ยวกับการฝึกปฏิบัติเซน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติแห่งชาติของประเทศญี่ปุ่นด้วย
ในปี 2015 คู่มือนำเที่ยว "มิชลินกรีนไกด์ญี่ปุ่น" ของฝรั่งเศส ได้มอบดาว 2 ดวงให้กับวัดแห่งนี้
  • David Anderson

    วัดโซโตะเซ็นไดฮงซังเอเฮจิ: วัดเอเฮจิเป็นหนึ่งในสองวัดหลักในศาสนาพุทธนิกายโซโตะเซ็น และเป็นหนึ่งในวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในภูเขาที่สวยงาม ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องหลงรักเมื่อมาเยี่ยมชม (ไม่ว่าเวลาใดของปี) เพราะใบไม้พืชพรรณและทิวทัศน์ที่งดงามจนแทบลืมหายใจ อย่างไรก็ตาม คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายรูปพระในวัดในขณะเยี่ยมชม แต่การได้เรียนรู้วัตรปฏิบัติประจำวันของพระ และศาสนาพุทธนิกายเซ็นนี้ก็เป็นการใช้เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ชั่วโมงที่ยอดเยี่ยม

    คาเมโซโซบะ (อาหารกลางวัน): ร้านคาเมโซโซบะเป็นที่รู้จักว่ามีเส้นโซบะที่ดีที่สุดในประเทศ บรรยากาศร้านอบอุ่น และเสิร์ฟเมนูแสนอร่อยที่ยากจะห้ามใจ โซบะเสิร์ฟมาพร้อมกับ "คากิอาเงะ" (ของทอดต่างๆ เช่น หอยเชลล์ กุ้ง และหอมใหญ่) ซึ่งทั้งกรอบ อร่อย และอบอุ่นใจ

    หมู่บ้านมีดทาเคฟุ: ทัวร์โรงงานและร้านของที่ระลึกที่คุณสามารถซื้อมีด "เอจิเซ็น" แบบทำมือได้ ใช้เวลาเยี่ยมชมหมู่บ้านมีดทาเคฟุเพื่อตื่นตาตื่นใจไปกับการผลิตเครื่องมือทำครัวที่สำคัญ (และคม) ที่สุด สถานที่แห่งนี้ผลิตมีดให้กับบริษัทมีดถึง 13 บริษัท และผู้เยี่ยมชมสามารถจองเวิร์กช็อปพิเศษเพื่อเรียนรู้วิธีการทำมีดจากช่างฝีมือโดยตรง

  • Veronica Carnevale

    วัดโซโตะเซ็นไดฮงซังเอเฮจิ: ฉันเริ่มต้นทริปวันสุดท้ายในฟุกุอิด้วยการไปที่วัดเอเฮจิ ซึ่งเดินทางด้วยการขับรถจากเรียวกังโดยใช้เวลา 45 นาที เมื่อมาถึง เราจอดรถไว้ที่ที่จอดรถใกล้ๆ แล้วเดินต่อประมาณ 5 นาทีผ่านเมืองรอบวัดที่เก่าแก่และมีเสน่ห์เพื่อไปยังวัดเอเฮจิ วินาทีฉันเห็นวัดพุทธแห่งนี้ ฉันรู้สึกตะลึงไปกับสิ่งปลูกสร้างของวัดที่น่าเกรงขามแต่ก็ให้ความรู้สึกปลอบประโลมใจ และหลังจากเปลี่ยนรองเท้าจากสนีกเกอร์เป็นรองเท้าแตะของวัด ฉันก็พร้อมสำหรับการสำรวจแล้ว อาคารไม้ดั้งเดิมและโคมไฟที่ตั้งอยู่ด้านในดูกลมกลืนกับธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ในพื้นที่ซึ่งตอนนี้สะพรั่งไปด้วยสีสันสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ขณะที่ฉันเดินชมสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ฉันก็ตระหนักถึงความสำคัญและความหมายที่ซ่อนอยู่ของทุกสิ่งจากตำแหน่งของตัวอาคารของวัดไปจนถึงท่าทางของรูปปั้น อันที่จริงแล้ว สิ่งปลูกสร้างทั้งหมดถูกวางตำแหน่งเพื่อแสดงถึงพระพุทธเจ้าที่กำลังนั่งสมาธิ หรือซาเซ็น

    ตรงข้ามกับความโดดเดี่ยวของศาลเจ้าเฮเซ็นจิฮาคุซัง เอเฮจิเป็นวัดที่มีชีวิตชีวามากซึ่งเต็มไปด้วยพระที่กำลังทำวัตรปฏิบัติประจำวัน ในระหว่างทริปของฉัน ฉันได้เห็นพิธีศพประจำเดือนที่จัดขึ้นสำหรับอดีตเจ้าอาวาสด้วย แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจว่าพระกำลังพูดอะไร แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงพลังของการท่องบทสวดพร้อมกันนั้น บรรยากาศที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตาของวัดเอเฮจิทำให้ฉันรู้สึกประทับใจและเข้าใจศาสนาพุทธนิกายโซโตะได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

    คาเมโซโซบะ (อาหารกลางวัน): หลังจากสำรวจวัดเอเฮจิประมาณสองชั่วโมง ฉันก็พร้อมแล้วสำหรับอาหารกลางวัน! จากวัด เราขับรถประมาณ 30 นาทีไปยังร้านคาเมโซโซบะเพื่อกินหนึ่งในเมนูยอดนิยมที่สุดของฟุกุอิ นั่นก็คือ เอจิเซ็นโอโรชิโซบะ การตกแต่งภายในที่ทำจากไม้และแสงไฟอันอบอุ่นของร้านอาหารสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร และฉันได้นั่งที่โต๊ะญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม พนักงานเสิร์ฟนำเมนูเย็นที่ประกอบด้วยเส้นโซบะทำจากบักวีต 100% มาเสิร์ฟพร้อมกับซอสผสมหัวไชเท้าขูดและเท็มปุระซีฟู้ด ซึ่งเป็นเมนูเรียกน้ำย่อยฉันได้เป็นอย่างดี ไกด์แนะนำวิธีการกินเมนูนี้ที่ถูกต้องให้ฉัน เริ่มจากลองชิมเส้นโซบะอย่างเดียวก่อน จากนั้นเทซอสลงด้านบน ตอนที่ฉันกัดเข้าไปในเส้นที่แน่นหนึบ รสชาติธรรมชาติและคล้ายถั่วแผ่ซ่านไปทั่วปากของฉัน โซบะมีเนื้อสัมผัสที่เพลิดเพลิน และเข้ากันได้ดีเยี่ยมกับกลิ่นหอมหวานของน้ำซุป รวมถึงเท็มปุระกรอบๆ ฉันจบมื้อนี้ด้วยน้ำโซบะร้อน เครื่องดื่มที่มักเสิร์ฟหลังทานโซบะ

    หมู่บ้านมีดทาเคฟุ: หลังจากเพลิดเพลินกับศิลปะอาหารในฟุกุอิ ก็ถึงเวลาสำรวจด้านอุตสาหกรรมที่หมู่บ้านมีดทาเคฟุในเมืองเอจิเซ็น ซึ่งอยู่ห่างจากร้านอาหารโดยใช้เวลาขับรถไปประมาณ 15 นาที เอจิเซ็นมีความเชี่ยวชาญในการผลิตมีดคุณภาพสูงมาเป็นเวลากว่า 700 ปีแล้ว

    การเที่ยวชมหมู่บ้านเริ่มต้นในอาคารทรงกระบอกซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่นี่ฉันได้เดินชมมีดทำอาหารและมีดสำหรับทำการเกษตร รวมถึงพบกับช่างฝีมือที่มีอายุตั้งแต่ 18 ถึง 82 ปี! จากนั้นฉันก็มุ่งหน้าไปยังจุดเที่ยวชมหลักซึ่งได้แก่ พื้นที่ทำงาน วินาทีที่ฉันเปิดประตูเข้าไป ฉันได้ยินเสียงกระทบกันของโลหะและได้กลิ่นการผลิตเหล็กอบอวลในอากาศ จากระเบียงชั้นสอง ฉันมองดูเหล่าคนงานที่กำลังตั้งใจทำงานตีและขึ้นรูปเหล็กอย่างใจจดใจจ่อ ภาพเครื่องจักรที่ตั้งอยู่อย่างหนาแน่นเกิดเป็นภาพที่น่าตื่นตาไม่ว่าจะมองไปตรงจุดใด ที่แห่งนี้ยังคงใช้วิธีการดั้งเดิมร่วมกับวิธีการสมัยใหม่อย่างกลมกลืน และคนงานจากทั่วญี่ปุ่นตีเหล็กเคียงบ่าเคียงไหล่กัน ตัวอาคารยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าที่อุทิศให้แด่ผู้ก่อตั้งงานฝีมือนี้ด้วย! เมื่อฉันไปยังร้านที่อยู่ข้างกันเพื่อสังเกตมีดอย่างใกล้ชิด ฉันก็รู้สึกทึ่งกับงานฝีมือที่ประณีตนี้มาก มีดเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่เครื่องมือ แต่เป็นงานศิลปะที่เป็นตัวแทนของมรดกทางวัฒนธรรมที่มีความเป็นมานานหลายศตวรรษ

นั่งรถบัส 30 นาที

นั่งรถไฟ 75 นาที (JR)

นั่งแท็กซี่ 20 นาที

วันที่สี่

มิคาตะโกะโคะเรนโบว์ไลน์more

มิคาตะโกะโคะเรนโบว์ไลน์
ทะเลสาบมิคาตะทั้งห้าเป็นทะเลสาบลึกลับที่ขึ้นชื่อเรื่องสีที่แตกต่างกันห้าสี เมื่อใช้เส้นทางขับรถที่เรียกว่าเรนโบว์ไลน์ คุณจะไปถึงสวนสาธารณะบนยอดเขาที่สามารถมองเห็นทะเลสาบทั้งห้าของมิคาตะ คุณสามารถใช้กระเช้าลอยฟ้าเพื่อปีนภูเขาและชมวิวทะเลสาบมิคาตะทั้งห้าจากระเบียงคาเฟ่อันเก๋ไก๋
  • David Anderson

    มิคาตะโกะโคะเรนโบว์ไลน์: ที่นี่เหมาะมากสำหรับคนรักธรรมชาติและการถ่ายรูป จากเรนโบว์ไลน์ซัมมิตพาร์กคุณจะได้ชมวิวสวยงามแบบกว้างไกลของจังหวัดฟุกุอิที่จะทำให้คุณตะลึง และยังสามารถมองลงมาเห็น "มิคาตะโกะโคะ" หรือทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิคาตะ อันเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมในการชมวิวพระอาทิตย์ตกดินและภูเขาหลายลูกที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่ไกลๆ ซึ่งงดงามราวกับภาพจินตนาการ นักท่องเที่ยวจะได้สำรวจพื้นที่อันกว้างใหญ่ที่มาพร้อมกับชานพักและจุดชมวิวต่างๆ รวมถึงเพลิดเพลินไปกับดอกไม้สีสันสดใสมากมาย

  • Veronica Carnevale

    มิคาตะโกะโคะเรนโบว์ไลน์: ขณะที่พระอาทิตย์เริ่มตกดิน เราขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังจุดหมายสุดท้ายซึ่งก็คือ เรนโบว์ไลน์ซัมมิตพาร์ก สวนสาธารณะที่อยู่บนยอดเขา จากฐานของสวนสาธารณะ ฉันขึ้นลิฟต์แบบที่นั่งเดียวและขึ้นไปยังไหล่เขา ในระหว่างการเดินทาง ฉันรู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับได้ก้าวเข้าไปในสถานที่เหนือจริง ที่ด้านบนสุด ขณะที่ฉันมุ่งหน้าไปที่ด้านตะวันออกของสวน ฉันก็ไม่อาจควบคุมความตื่นเต้นของตัวเองได้อีกต่อไป เพราะวิวที่เห็นนั้นสวยจนอธิบายเป็นคำพูดออกมาไม่ได้เลย ภูเขาที่ถูกห่มคลุมด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วงตั้งอยู่ท่ามกลางทะเลสาบทั้งห้าแห่งมิคาตะที่กินอาณาเขตกว้างใหญ่ ในขณะที่พระอาทิตย์ตกดินอาบไล้ทิวทัศน์เป็นสีทอง หลังจากเพลิดเพลินกับวิวริมทะเลสาบแล้ว ฉันก็รีบไปยังอีกด้านของสวนเพื่อชมวิวอันกว้างใหญ่ไพศาลของคาบสมุทรสึรุงะและทะเลญี่ปุ่น ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นภาพกว้างไกลสุดสายตาที่ดูราวกับความฝัน สวนดอกกุหลาบหลากสีสันแต่งแต้มสวนริมฝั่งทะเล และทำให้ฉันได้เห็นวิวของทะเลระหว่างกลีบของดอกไม้หลากสีเหล่านั้น นอกจากวิวที่สวยงามจนแทบลืมหายใจแล้ว บนยอดของสวนยังเป็นที่ตั้งของคาเฟ่ ศาลเจ้า และบ่อน้ำร้อนแช่เท้ากลางแจ้งด้วย เมื่อพระอาทิตย์อยู่ที่ขอบฟ้า ท้องฟ้าสีเหลืองอำพันก็เปล่งประกายบนผืนน้ำ ทั้งยังขับเน้นรูปทรงของภูมิทัศน์ธรรมชาติโดยรอบให้ชัดเจนขึ้น ฉันยิ้มออกมา วิวของที่นี่จะตราตรึงใจฉันไปอีกนานอย่างแน่นอน

นั่งแท็กซี่ 20 นาที

นั่งรถไฟ 35 นาที (JR)

สถานีJRซึรุงะ

  • David Anderson

    สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยชินคันเซ็น กล่องอาหารกลางวัน และอาหารบนเครื่องบิน ฯลฯ
    ระหว่างทางกลับโตเกียว เรานั่งชินคันเซ็นจากสถานี JR ไมบาระ การเดินทางขากลับเป็นไปอย่างรวดเร็วเนื่องจากเราได้ย้อนคิดถึงธรรมชาติอันแสนวิเศษของจังหวัดฟุกุอิ
    การได้สัมผัสประสบการณ์กลางแจ้งที่ยอดเยี่ยมซึ่งอยู่ห่างไปเพียงไม่กี่ชั่วโมงจากโตเกียวถือเป็นการค้นพบครั้งใหม่สำหรับผมในทริปนี้

  • Veronica Carnevale

    สิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทางด้วยชินคันเซ็น กล่องอาหารกลางวัน และอาหารบนเครื่องบิน ฯลฯ: ขณะที่ความมืดห่มคลุมชนบทของฟุกุอิ เราใช้เวลาขับรถประมาณหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังสถานี JR ไมบาระในชิงะ เพื่อขึ้นรถไฟชินคันเซ็นสายโทไคโดไปสถานีโตเกียว หลังจากนั่งลงบนที่นั่งขนาดใหญ่ข้างหน้าต่าง ฉันก็ได้ชมทิวทัศน์ทั้งธรรมชาติของญี่ปุ่นไปจนถึงตึกสูงระฟ้าในโตเกียว การเดินทางครั้งนี้ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที

สถานีโตเกียว

  • David Anderson

    ทริปท่องเที่ยวโตเกียวและฟุกุอิจะทำให้คุณตกหลุมรักญี่ปุ่น! คุณจะได้สัมผัสทั้งความคับคั่งจอแจของถนนในโตเกียวที่น่าตื่นเต้นไปจนถึงธรรมชาติและจังหวะอันเนิบช้าของจังหวัดฟุกุอิ

  • Veronica Carnevale

    การผจญภัยในญี่ปุ่นของฉันเริ่มต้นด้วยการชมวิวอันกว้างไกลสุดสายตาของใจกลางเมืองโตเกียวและปิดท้ายด้วยวิวที่งดงามชวนตะลึงของธรรมชาติในฟุกุอิ แม้จะต่างกันสุดขั้ว แต่วิวทั้งสองแบบก็แสดงให้เห็นถึงความงามที่แตกต่างกันของญี่ปุ่น ธรรมชาติอันเขียวชอุ่มในฟุกุอิและเสน่ห์แบบดั้งเดิมช่างดูขัดแย้งกันกับความคึกคักในตัวเมืองโตเกียว ตลอดการเดินทางของฉันในครั้งนี้ ฉันรู้สึกเพลิดเพลินไปกับทั้งอาหารแสนอร่อย ความสวยงามของธรรมชาติ การบริการที่ยอดเยี่ยม และความน่าประหลาดใจของวัฒนธรรม ฉันแทบอดใจรอที่จะกลับมาเที่ยวโตเกียวและฟุกุอิอีกครั้งไม่ไหวแล้ว

    แล้วเจอกันอีกเร็วๆ นี้นะคะ!

เสียงจากนักท่องเที่ยว

โตเกียวเป็นจุดหมายหลักสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจจะมาเที่ยวที่ญี่ปุ่น แต่สำหรับผู้ที่มองหาอัญมณีที่ซ่อนอยู่ซึ่งแสดงให้เห็นอีกด้านหนึ่งของญี่ปุ่นล่ะก็ ขอแนะนำให้คุณไปเที่ยวที่จังหวัดฟุกุอิ โตเกียวเป็นหนึ่งในรายชื่อจุดหมายสถานที่ที่ต้องไปให้ได้ของโลก (และด้วยเหตุผลที่ดี) แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสำรวจสิ่งที่ญี่ปุ่นจะนำเสนอให้คุณเท่านั้น

David Anderson
บล็อกเกอร์ท่องเที่ยวและช่างภาพ
ที่อยู่อาศัย:สหรัฐอเมริกา
  • งานอดิเรก

    ท่องเที่ยว, ถ่ายภาพ, ดำน้ำลึก, สโนว์บอร์ด, การท่องเที่ยวเชิงผจญภัย

  • จำนวนครั้งที่มาประเทศญี่ปุ่น

    -

เสียงจากนักท่องเที่ยว

ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยประสบการณ์การผจญภัยสำหรับทุกคน ด้วยจุดหมายปลายทางที่มีทั้งชนบทอันเขียวชอุ่มและเมืองอันน่าตื่นเต้น โตเกียว ศูนย์กลางวัฒนธรรมเมืองของญี่ปุ่น เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยตึกสูงระฟ้า แสงไฟสว่างไสว และเส้นขอบฟ้ากว้างไกลสุดสายตา จึงเป็นหนึ่งในจุดหมายยอดนิยมที่สุดของญี่ปุ่นในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ภูมิทัศน์เมืองของโตเกียวแสดงให้เห็นประเทศอันมีเอกลักษณ์นี้เพียงด้านเดียวเท่านั้น จังหวัดฟุกุอิซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของญี่ปุ่นและเลียบทะเลญี่ปุ่นนั้น เผยให้เห็นญี่ปุ่นในอีกด้านที่ตรงกันข้ามกับความคับคั่งจอแจของโตเกียว ที่นี่ คุณจะได้พบกับอาหารทะเลสดๆ ธรรมชาติเปี่ยมเสน่ห์ วัด และศาลเจ้า รวมถึงงานฝีมือดั้งเดิมอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืน ด้วยที่ตั้งที่สามารถเดินทางไปกลับโตเกียวได้โดยทั้งชินคันเซ็นและเครื่องบิน (และเดินทางต่อด้วยรถยนต์) ฟุกุอิจึงเป็นสถานที่แสนวิเศษสำหรับการมาสำรวจญี่ปุ่นในอีกด้านที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

ออกเดินทางไปพร้อมกับฉันในการผจญภัยที่โตเกียวและฟุกุอิ และพบกับความลับสุดยอดของญี่ปุ่น ไปกันเลย!

Veronica Carnevale
คอนเทนต์ครีเอเตอร์แห่ง Japan Travel
ที่อยู่อาศัย:โตเกียว
สถานที่เกิด:สหรัฐอเมริกา
  • งานอดิเรก

    ท่องเที่ยว สัมผัสวัฒนธรรมใหม่ ลิ้มลองอาหารและเครื่องดื่มใหม่ๆ สถานที่เดินป่าและเที่ยวชมธรรมชาติ

  • ระยะเวลาที่พักอยู่ในโตเกียว

    ปัจจุบันเธออาศัยในญี่ปุ่นด้วยวีซ่าทำงาน (มาถึงเมื่อ 20 พฤษภาคม 2022) เป็นเวลาประมาณ 6 เดือนแล้ว

เส้นทางอื่นที่แนะนำในภูมิภาคเดียวกัน

แชร์เว็บไซต์นี้ให้ทุกคนกันเถอะ

การเดินทางที่แนะนำ

เส้นทางการเข้าพักระยะยาว

เส้นทางแนะนำใหม่ล่าสุด!

เส้นทางอื่นๆใหม่ล่าสุด!

Back to Top

COPYRIGHT © HOKURIKU × TOKYO ALL RIGHTS RESERVED.